รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย The Chronicles of Narnia

รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย

รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย น่าดู ภาพยนตร์จากวรรณกรรมเด็กยอดฮิต บนโลกของพวกเราใบนี้มีวรรณกรรมเด็กมากไม่น้อยเลยทีเดียวนานาประการเรื่องราวให้พวกเราได้อ่านวรรณกรรมเด็กในช่วงก่อนนั้นอาจมาในรูปแบบของเรื่องราวสั้นๆแม้กระนั้นพอก้าวไปสู่สมัย 2000 วรรณกรรมเด็กก็เริ่มที่จะมีความยาวของเรื่องราวมากเพิ่มขึ้นดังเช่นวรรณกรรมเรื่องแฮร์รี่พอเพียงตเตอร์หรือ The Chronicles of Namia เป็นวรรณกรรมที่มีหลายเล่มร่วมกันรวมทั้งจำเป็นต้องอ่านต่อกันเพื่อรับทราบเรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดขึ้นวรรณกรรมพวกนี้เป็นที่นิยมอย่างใหญ่โตเพราะว่าในตอนนั้นเทคโนโลยียังต่างจากในขณะนี้คนโดยมากยังคงอ่านหนังสือเพื่อความเพลิดเพลินกันอยู่ทำให้วรรณกรรมพวกนี้

ได้รับการหยิบยกขึ้นมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ว่ามีภาพยนตร์จากวรรณกรรมเด็กแค่เพียงไม่กี่เรื่องแค่นั้นที่บรรลุความสำเร็จเนื่องด้วยความยาวของเรื่องราวทำให้มันไม่สามารถที่จะเล่าได้ในรูปภาพยนตร์เพียงแต่ภาคเดียวแล้วก็ถ้าเกิดเรื่องราวมันไม่เป็นที่นิยมมากพออย่างกับเรื่องแฮร์รี่พอเพียงตเตอร์การจะสร้าง

ภาคต่อนั้นถือได้ว่าเรื่องที่ทำเป็นยากเป็นอย่างยิ่งหนึ่งในวรรณกรรมที่ได้รับการหยิบยกนำเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์รวมทั้งสามารถสร้างออกมาได้หลายภาพซึ่งก็คือ The Chronicles of Narnia รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย นั่นเองโดยในรูปภาพแรกนั้นมีชื่อว่า The Chronicles of Narnia: The Lion Witch And The Wardrobe ออกฉายหนแรกตั้งแต่ในปี 2005 ความยาว 135 นาทีเนื่องจากว่าสร้างขึ้นจากวรรณกรรมยอดฮิตอยู่แล้วทำให้มันบรรลุผลสำเร็จอย่างงดงามในฐานะภาพยนตร์แฟนตาซีสำหรับเด็ก

รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย The Chronicles of Narnia จะทำออกมาได้ครบเจ็ดเล่มตามหนังสือไหม เพราะว่ารายละเอียดมันก็จะเบาๆมีความหนักขึ้นเป็นลำดับ ยิ่งภาคสุดท้ายนี่คนทำจำเป็นต้องใช้ความรุนแรงข้างในมากทีเดียว ที่จะสร้างมันออกมาให้กลมกล่อมละมุนละไม เต็มที่ทางความรู้สึกและก็สรุปเรื่องราวอย่างบัวไม่ให้บอบช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น แต่ว่าโน่นก็คือเรื่องของอนาคตนะครับ มาว่ากันถึงตอนนี้ดียิ่งกว่า เพราะเหตุว่าขณะนี้ตำนานที่ที่นาร์เนียได้เข้าล่วงไปสู่บทลำดับที่สองแล้ว

รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย

เปิดตัวมาหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องในที่นาร์เนียอันเป็นจุดกำเนิดที่การเสี่ยงภัยคราวนี้ ในอาณาจักรทุ่งนาร์เนียที่ผ่านไปภายหลังจากภาคแรกถึง 1,300 ปี (แต่ว่าพอๆกับหนึ่งปีของโลกมนุษย์) เมื่อพระราชโอรสแคสเปี้ยน (Ben Barnes) รัชทายาทตามเหตุผลที่ดินแดนกำลังจะถูกลอบฆ่า เพราะเหตุว่าไม่ราซ (Sergio Castellitto) ผู้มีศักดาเป็นคุณลุงซึ่งคิดจะฮุบบัลลังก์มาตลอด ได้ลงมือก่อการขั้นเด็ดขาด กระทั่งพระราชโอรสจำเป็นต้องระเห็จหนีออกไปยังดินแดนพงพี เขตป่าที่มนุษย์ไม่ก้าวเข้าไปย่ำกราย ด้วยเหตุว่ากันว่ามีปีศาจร้ายรวมทั้งสิ่งมีชีวิตแปลกมากมายก่ายกองอาศัยอยู่

ในระหว่างที่พระราชโอรสกำลังเผชิญเหตุฉุกเฉินก็ได้ส่งสัญญาณไปดึงเอาสี่ลูกพี่ลูกน้องเครือญาติพีเวนซี่ อันอาทิเช่น ปีเตอร์ (William Moseley), ซูซาน (Anna Popplewell), เอ็ดมันด์ (Skandar Keynes) รวมทั้งลูซี่ (Georgie Henley) ให้กล้บมายังที่นาร์เนียอีกครั้ง เพื่อด้วยกันกู้ความสงบสุขคืนมา พร้อมกับยังต้องตามหาอัสลาน ราชาราชสีห์ที่ไม่มีผู้ใดเจอมานานแสนนาน แม้กระนั้นอัสลานเป็นความมุ่งมาดเดียวที่จะสยบเหล่าทรราชย์จุดมุ่งหมายทำลายทุกชีวิตในดินแดนท้องนาร์เนียให้แตกสลายไป เนื่องจากเพียงแต่กำลังของพวกเขาย่อมน้อยเกินไปที่จะต่อการกับกองกองทัพคนโฉดนับหมื่นได้แน่นอน

Open your heart to Narnia – เปิดใจสู่โลกทุ่งนาร์เนีย รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย เปิดเรื่องมาด้วยการที่น้องเล็กของบ้าน ลูซี่ คุณได้หลุดมาสู่โลกที่นาร์เนียโดยบังเอิญผ่านตู้สำหรับใส่เสื้อผ้าใบหนึ่งของคฤหาสน์ กระทั่งคุณมาเล่าสู่ญาติพี่น้องผู้อื่น ที่มีความรู้สึกว่าคุณฝันเฟื่องไปเอง จนกระทั่งเข้ามารู้ดีว่าลูซี่บอกถูก เรื่องราวแฟนตาซีที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นได้นั้นเปรียบปาฎิหารย์ในชีวิต หรือเรื่องเหลือเชื่อต่างๆที่เกิดขึ้น ถ้าหากพวกเราเปิดใจให้มัน ซึ่งในหัวข้อนี้ก็เปรียบเทียบกับท้องนาร์เนียหรือดินแดนอัศจรรย์

ถ้าพวกเราจะรับทราบ เชื่อในเรื่องเหลือเชื่อในชีวิตที่เกิดสังกัดพวกเราได้ พวกเราจำต้องเปิดใจของพวกเรา เป็นต้นว่า ถ้าพวกเรามั่นใจว่าชีวิตพวกเราดียิ่งขึ้นได้นั้น พวกเราจำเป็นจะต้องเปิดใจมั่นใจว่าพวกเราทำเป็น ทั้งหมดทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงแค่พวกเราเปิดใจว่าพวกเราสามารถทำเป็น พวกเรามั่นใจว่าพวกเราทำเป็น การเปิดใจต่อสิ่งต่างๆทำให้พวกเราไม่ยึดติดกับบางอย่างจนถึงเกินความจำเป็น เอาง่ายๆเป็น ทดลองเปิดใจพวกเราสู่ของใหม่ๆเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ สิ่งต่างๆรอบข้าง

The Chronicles of Narnia: Prince Caspian หรือที่รู้จักในชื่อไทย อิทธิฤทธิ์ตำนานที่ทุ่งนาร์เนีย

ตอน พระราชโอรสแคสเปี้ยน หนังออกฉายในปี 2008 ที่ผลิตมาจากนิยายเรื่อง Prince Caspian ในปี 1951 ซึ่งเกิดเรื่องลำดับที่สองของหนังชุดนี้แล้วก็ภาคต่อของ The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe (2005) เป็นภาคลำดับที่สองของภาพยนตร์ซีรีส์ The Chronicles of Narnia หนังฉายรอบรอบปฐมฤกษ์ตอนวันที่ 7 เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2551รวมทั้งภาพยนตร์ประเด็นนี้ได้รับการสรรเสริญจากนักวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงบวกจากเหล่านักวิพากษ์วิจารณ์ ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยยกย่องการแสดงและก็วิชวลเอฟเฟกต์ของหนังหัวข้อนี้ส่านเรื่องของรายได้หนังภาคนี้บรรลุผลสำเร็จพอเหมาะพอควรในบ็อกซ์ที่ทำงาน โดยการทำรายได้ 55 ล้านดอลลาร์ในตอนอาทิตย์เปิดตัว รวมทั้งทำรายได้ทั่วทั้งโลกไปๆมาๆกกว่า 419.6 ล้านเหรียญ เปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดชั้นที่ 10 ของปี 2008 อีกด้วย

รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย1,300 ปีที่ล่วงเลยไป จากการสู้รบระหว่างกองทัพทุ่งนาร์เนียและก็เทมารีนในดินแดนเทลมาร์ ของชาวเทลมารีน เมียของ ลอร์ดมิราซ ผู้สำเร็จราชการที่เทลมาร์ได้ให้กำเนิดบุตรชาย ทำให้ลอร์ดมิราซคิดกำจัด พระราชโอรสแคสเปียน ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆของเขาเอง แต่ว่าพระคุณครูของพระราชโอรสแคสเปียน ก็ได้ช่วยทำให้พระราชโอรสแคสเปียนหนีพ้นไปได้ รวมทั้งได้เจอกับกรุ๊ปชาวไร่ชาวนาร์เนีย ซึ่งมีความแค้นกับชาวเทลมาร์ ด้วยเหตุว่าชาวเทลมาร์ได้นำกองทัพบุกทำลายกสิกรร์เนียจนกระทั่งจำเป็นต้องถอยร่นเข้ามาอยู่ในป่า

ส่วนที่กรุงลอนดอน 4 ญาติพีเวนซี มีชีวิตอย่างธรรมดาสุข แต่ว่าแล้ว พวกเขาก็ได้หลุดเข้ามาในทุ่งนาร์เนียอีกครั้ง แล้วก็ได้เจอกับ ทรัมป์คิน คนเล็กแกร็นซึ่งอยู่ในกองทัพทุ่งนาร์เนีย โดยที่ทรัมป์คินได้นำสี่ญาติพี่น้องเดินทางไปยังป้อมของกสิกรร์เนีย และก็ได้เจอกับพระราชโอรสแคสเปียนตรงนั้น ปีเตอร์ ได้นำกองทัพบุกในพระราชวังของลอร์ดมิราซในคืนวันหนึ่ง แม้กระนั้นลอร์ดมิราซก็ได้สั่งให้ปิดประตูวังขังทหารที่นาร์เนียเอาไว้ ทำให้ทหารนิดหน่อยจำเป็นต้องถูกฆาตกรรม ภายหลังเรื่องในตอนนั้นแล้ว ลอร์ดมิราซก็ประกอบพิธีราชาภิเษก ตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ที่เทลมาร์

เมื่อขึ้นครองราชย์แล้ว ราชาไม่ราซก็นำกองทัพมาบุกป้อมปราการของเกษตรกรร์เนีย กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการศึกขึ้นอีกรอบ แล้วก็ตัวราชาไม่ราซเองก็ถูก ลอร์ดโซเปสเปียน ซึ่งเป็นเจ้าขุนมูลนายคู่ใจคิดคดทรยศฆ่าท้ายที่สุด ในขณะที่ชาวไร่ชาวนาร์เนียกำลังรบกับกองทัพเทลมารีนอยู่นั้น ลูซี่ก็ได้เข้าป่าเพื่อตามหา อัสลาน และก็เจอสุดท้าย อัสลานกับลูซี่ก็เลยได้นำกองทัพต้นไม้มาช่วยกองทัพที่นาร์เนียที่กำลังเสื่อมโทรม ความมีชัยก็เลยเป็นของชาวไร่ชาวนาร์เนียท้ายที่สุด

อย่างที่พวกเรารู้กัน C.S. Lewis มีเจตนาเขียน Narnia

ขึ้นมาโดยให้ซ่อนเร้นความหมายเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ไว้ ซึ่งผมก็จะมองดูในแบบของผมน่ะขอรับ มิได้อิงเรื่องว่าอัสลานเป็นพระเยซูคริสต์หรือผู้แทนพระผู้เป็นเจ้าไหม แม้กระนั้นผมคิดว่าอัสลานเป็นหัวหน้าที่สุดยอดมากมายทีเดียว ภาคก่อนเขารู้จักเอื้อเฟื้อตัวเองเพื่อบุคคลอื่นอยูรอด รู้จักสั่งสอนคนติดตามให้ลืมตามองโลกด้วยข้อเท็จจริง มาภาคนี้ถึงแม้เขาจะไม่แสดงตัวเลยจวบจนกระทั่งส่วนท้าย แต่ว่าโน่นก็เป็นการทำเพื่อปีเตอร์ แคสเปี้ยนแล้วก็ผู้อื่นรู้จักที่ยืนหยัดด้วยตัวเอง ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ด้วยเหตุว่ามนุษย์เราถ้าจะต้องเผชิญกับความลำบากขนาดไหน แม้กระนั้นถ้าเกิดได้รับการฝึกซ้อมจนกระทั่งอยู่ด้วยลำแข้งตนเองได้ ไม่งอมืองอตีน ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใด ก็จะไม่มีทางย่ำแย่

The Chronicles of Narnia : The Voyage of The Dawn Treader ท้องนาร์เนีย 3 เสี่ยงภัยโพ้นทะเล พวกเขาทะลุผ่านภาพวาดไปยังทะเลอันเวิ้งว้าง และก็ได้เจอกับกษัตริย์แคสเปี้ยน

ที่แล่นเรือนาม Dawn Treader ไปไกลแสนไกลเพื่อทำภารกิจสำคัญอันเป็นความมีชีวิตรอดของทุ่งนาร์เนีย โดยผู้แสดงแต่ละตัว ต้องพบพานกับปัญหาอีกทั้งข้างนอกแล้วก็ในใจของพวกเขาเอง บาคาร่าเว็บตรง สำหรับในการที่จะฝ่าฟันเพื่อผ่านไปถึงจุดหมาย ไม่ว่าจะเป็นมนตร์ที่มีชีวิต รอหลอกจิตใจให้สับสน หรือเหล่ามนุษย์แปลก ที่โผล่มาเพียงแต่เพื่อเป็นจิ๊กซอลสู่การดำเนินของเรื่องราว หรือสัตว์ดุร้ายขนาดยักษ์ ที่ยากแก่การประมือ กลางทาง ที่ทำให้เด็กคนหนึ่ง โตขึ้นเปลี่ยนเป็นคนแก่อีกคนหนึ่ง

รวมหนัง อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย แน่ๆว่า เหล่าราชาและก็ราชินีที่ที่นาร์เนีย ต้องได้เจอกับอัสลาน เจ้าราชสีห์ตัวใหญ่ที่แปลงเป็นเครื่องหมายที่วรรณกรรมซีรี่ส์นี้ ใครกันแน่ที่ต้องการพบเขาอีก ไม่จำเป็นที่จะต้องห่วง แต่ว่าจำต้องลุ้นเอาว่าจะออกมาตอนไหนแค่นั้น ทุ่งนาร์เนียภาคนี้ มากับผู้กำกับฯ คนใหม่ Michael Apted ผู้ผลิตผลงานจำนวนมากเป็นภาพยนตร์สารคดีเสียแทบจะทั้งหมด

ด้วยการเดินเรื่องที่ทำเป็นสนุกสนานตั้งแต่การปูพื้นในขั้นแรก ไปจนกระทั่งตอนไคล์แมกซ์ สเปเชียลเอฟเฟ็กซ์นั้นยอดเยี่ยมงานสร้างอยู่แล้วสำหรับงานของสตูดิโอจิ้กจอกศตวรรษที่ 20 ที่นี้ ระหว่างที่งานจัดวางส่วนประกอบภาพต่างๆก็มองใส่รับกับความเป็น 3 มิติได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะมองว่าภาพออกมาเป็นแผ่นๆทับกัน มากยิ่งกว่าจะมองเป็นร่างกายของมนุษย์ที่มีนูนเว้าดังที่พวกเรามองเห็นในของแท้ๆก็ตาม

The Chronicles Of Narnia: The Silver Chair ได้เริ่มปฏิบัติงานสร้างแล้วนะครับ รายงานจากเดดไลน์พูดว่า ซี. เอส. ลิวอิส คัมพานี ได้ผนึกกำลังกับเดอะ มาร์ค กอร์ดอน คัมพานี จะพาแฟนหนังกลับสู่ดินแดนปาฏิหาริย์ที่ที่นาร์เนียอีกครั้งในหนังที่ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงจากเล่ม 4 ของนิยายชุดนี้ที่มี 7 เล่มร่วมกัน

ดักลาส เกรสหมูแฮม หลานของซี. เอส. ลิวอิส คนแต่งนิยายชุดนี้ จะรับหน้าที่อำนวยการสร้างภาพยนตร์ด้วย ร่วมกับวินเซนต์ ซีเบอร์ ผู้อำนวยการของซี. เอส. ลิวอิส คัมพานี ประจำแอลเอ รวมทั้งมาร์ค กอร์ดอน ผู้ซึ่งบอกในแถลงการว่าเขาเป็นแฟนตัวยงของนิยายชุดนี้ และก็ตื่นเต้นที่กำลังจะได้นำตำนานภาคต่อของทุ่งนาร์เนียมาสู่แผ่นฟิล์มถ่ายรูป

ภาคแรกของหนัง The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe ออกฉายในปี 2005 และก็ตามต่อด้วยภาค Prince Caspian ในปี 2008 แล้วก็ The Voyage of the Dawn Treader ในปี 2010 โดยที่ภาคแรกทำเงินทั่วทั้งโลกไปราว 745 ล้านเหรียญ ส่วนภาคสองกับสามนั้นทำเงินในสหรัฐไปได้ต่ำยิ่งกว่าเป้า แต่ว่าก็ทำเงินในตลาดโลกได้ออกจะมากมาย ทำรายได้ทั่วทั้งโลกไปกว่า 420 ล้านทั้งคู่ภาค